สวัสดีครับ ช่วงนี้ผมจะหายหน้าหายตาบ่อยสักหน่อย ถ้าผมตอบ E-mail หรือความเห็นของบางท่านช้าไปก็ขออภัยนะครับ ตอนนี้จังหวะงานเข้าเยอะนิดหน่อย เลยมีอะไรให้ทำวุ่น ๆ ทั้งวัน
แต่ก็ดีครับ หากผมมีอะไรทำเยอะๆ ก็แปลว่าผมจะได้มีเรื่องราวมาเขียนให้ทุกคนได้รับรู้เยอะตามไปด้วยไงครับ
เรื่องที่นำมาฝากวันนี้ขอเป็นเรื่องเกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศหรือที่มีชื่อเล่นว่าน้องแอร์ครับ จริง ๆ เรื่องนี้ไม่ได้เริ่มต้นจากงานก่อสร้างใด ๆ เลย แต่มันเริ่มมาจากที่ผมดันไม่เจียมตัว ขับรถเก๋งไปลุยน้ำที่ถนนบรมฯ สาย 388 (เส้น ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี) เส้นที่ตัดผ่าน ม.มหิดลน่ะครับ แล้วผลก็คือ น้ำไหลเข้าท่วมภายในรถของผมสิครับ
เรื่องยังไม่จบแค่นั้น พอผมซับน้ำออก ตากแดด จนแห้งแล้ว ผลที่ตามมาคือ ”ความชื้น” ครับ ความชื้นมันขังอยู่ในรถผม แล้วก็เข้าไปในแอร์รถด้วย ทำให้เวลาเปิดแอร์แล้วกลิ่นอับรุนแรงเหลือร้ายเลยทีเดียว
แล้วผมจะทำอย่างไรดี? แน่นอนว่านิสัยอย่างผมก็ค้นหนังสือ เข้า google ถามช่างที่รู้จัก หาวิธีซ่อมด้วยตัวเองก่อนที่จะไปทำให้ช่างตามอู่ต่าง ๆ มีรายได้เพิ่ม
แล้วสิ่งที่แปลกที่เกิดขึ้นในชีวิตผมก็คือ คำตอบที่ผมได้กลับอยู่ในหนังสืองานก่อสร้างครับ (ชีวิตผมคงหนีไม่พ้นเรื่องนี้เสียแล้ว) ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศภายในบ้านที่เขียนโดยคุณยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ (คุณยอดเยี่ยมก็เยี่ยมสมชื่อ ออกหนังสือมาหลายเล่ม แต่ละเล่มเนื้อหามีประโยชน์ทั้งนั้นครับ)
ก่อนจะเล่าถึงวิธีแก้ปัญหากลิ่นอับชื้นของเครื่องปรับอากาศในที่พักอาศัย ผมขอเริ่มเล่าด้วยสาเหตุของมันสักหัวข้อหนึ่งก่อน ป้องกันดีกว่าแก้เสมอครับ
เคยมีใครไหมครับที่ตื่นเช้ามาแล้วทำการประหยัดไฟเครื่องปรับอากาศที่เปิดมาทั้งคืนโดยการปิดมันซะแล้วเปิดหน้าต่างเผื่อเอาอากาศเย็น ๆ จากนอกบ้านมาแทน ระวังนะครับ วิธีการนี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของแอร์อับชื้นได้นะครับ
เพราะเมื่อเราเปิดหน้าต่างแล้ว อากาศภายนอกที่ร้อนกว่าจะไหลเข้ามาภายในห้องอย่างรวดเร็ว หนำซ้ำยังพาความชื้นเข้ามาเสียด้วย (ภายในห้องเราจะแห้งนะครับ) อาการคล้าย ๆ ครับ แก้วน้ำเย็น ๆ ที่มีน้ำเกาะอยู่รอบ ๆ ครับ ภายในห้องเราเย็นเหมือนน้ำในแก้ว (อาจไม่เวอร์ขนาดนั้น) พอให้อากาศภายนอกเข้ามา ความชื้นก็เข้ามาแล้วก็จะจับตัวเหมือนที่จับกับขอบแก้วน้ำ แต่จะเปลี่ยนไปเป็นที่ที่นอน ผ้าม่าน ผ้าห่ม หมอน ฯลฯ แทน จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ห้องชื้น เมื่อเปิดแอร์อีกครั้ง เครื่องปรับอากาศก็สามารถดูดความชื้นนี้เข้าไปได้ครับ อาการเหมือนที่รถยนต์ของผมโดนน้ำเข้านั้นเอง อีกอย่างครับ นอกจากความชื้นแล้ว จะมีของแถมจำพวกเชื้อโรค เชื้อรา ที่จะเข้ามาร่วมหลับนอนกับเราในห้องด้วยนะครับ
ดังนั้น วิธีป้องกันดี ๆ ก็คือ ต้องรอให้อุณหภูมิภายในและภายนอกห้องใกล้กันเสียก่อนถึงควรเปิดหน้าต่างครับ (ระหว่างนี้นอนร้อน ๆ ก็เปิดพัดลมเอาก็แล้วกันนะ)
สำหรับวิธีการไล่ความชื้นออกไปนั้น เราคงเข้าใจอยู่แล้วว่าเครื่องปรับอากาศมีสองส่วนใหญ่ ๆ คือ ตัวเป่าลมเย็น (Fancoil Unit) และตัวระบายความร้อน (Condensing Unit) เริ่มแรกเราต้องปิด Condensing Unit แล้วเปิดแต่ Fancoil Unit ให้พัดลมเป่าความชื้นออกไปให้หมด แล้วกลิ่นอับก็จะลดลงแล้วหายไปครับ หลังจากนี้อย่าลืมตรวจสอบด้วยว่าแผ่นกรองฝุ่นใน Fancoil Unit สะอาดไหม เพราะมันมีโอกาสจะทำให้เกิดกลิ่นอับครั้งต่อไปได้นะครับ
สำหรับรถยนต์ผมก็เปิดแต่พัดลม ไม่เปิดน้ำยาแอร์ เป่าไปเรื่อย ๆ มันก็หายเอง ไม่รู้ว่าเพราะวิธีแก้ข้างต้นหรือบังเอิญผมโชคดีก็ไม่รู้ครับ
หากข้อมูลผิดพลาดประการใดหรือมีวิธีที่ดีกว่านี้ก็บอกเข้ามาได้เลยนะครับ
และบทความนี้ผมขอขอบคุณหนังสือของคุณยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ ที่ผมใช้ในการหาความรู้ด้วยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น