วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เส้นการเดินทางจาก กรุงเทพฯ ขึ้นภาคเหนือโดยไม่ผ่านน้ำท่วม (30 ต.ค. 2554)

          ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม (Tel. 1111 กดโทรออก แล้วกด 5) และ สำนักทางหลวงที่ 10 (สุพรรณบุรี) สำหรับการเดินทางของผมในครั้งนี้
             เนื่องจากที่ทำงานและบ้านในกทม.ของผมถูกน้ำท่วมไปเรียบร้อยแล้วผมจึงไม่มีที่พักอาศัย ดังนั้นในวันที่ 30 ต.ค. 2554 ผมจึงตัดสินใจเดินทางกลับภูมิลำเนา (เชียงใหม่) 







               แต่จะไปเส้นทางไหนดีล่ะ ที่จะหลีกเลี่ยงน้ำท่วมได้ทั้งหมด ผมจึงโทรศัพท์ถามทางจาก ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งพนักงานก็ให้บริการอย่างดี บอกเส้นทางขึ้นเหนือที่สามารถหลีกเลี่ยงบริเวณน้ำท่วมและถนนที่ปิดได้ทั้งหมด ระหว่างทางในจังหวัดสุพรรณบุรี ตามปั้มน้ำมันก็มีแจกแผนที่การเดินทางหลีกเลี่ยงบริเวณน้ำท่วมอีกด้วย (แผนที่จาก สำนักทางหลวงที่ 10 ) ผมเห็นว่ามันมีประโยชน์มาก จึงขอนำมาแชร์นะครับ


              ก่อนอื่นเลย ผมก็ไม่แน่ใจว่าเนื้อหาครั้งนี้จะเป็นประโยชน์มากน้อยแค่ไหน เพราะผมก็ไม่รู้ว่าระหว่างที่ผมพิมพ์อยู่นี้ ถนนสายเอเชียจะกลับมาใช้งานได้ตามปรกติหรือยัง หรือถนนที่ปิดบางแห่งอาจเปิดใช้งานแล้วก็เป็นได้ แต่ผมหวังว่าข้อมูลต่อไปนี้อาจช่วยคนที่คิดจะเดินทางในเร็ววันนี้ หรือใช้หลีกเลี่ยงการจราจรในช่วงเทศกาล หรือแม้แต่เตรียมความพร้อมสำหรับการท่วมครั้งหน้า ฮาๆ


              ก่อนที่ผมจะอธิบายเส้นทาง ผมขอยกแผนที่ที่ผมได้จาก สำนักทางหลวงที่ 10 มาให้ดูก่อนนะครับ ซึ่งเป็นแผนที่เส้นทางการหลีกเลี่ยงน้ำท่วมจาก กทม. สู่ ภาคเหนือ โดยผมจะแบ่งเป็น 2 ภาพ คือ ภาพแรกเป็นแผนที่ต้นฉบับ และภาพที่สองคือแผนที่ที่ผมแต่งเติมสีเข้าไปเพื่อให้ง่ายต่อการอ่านนะครับ





รูปแผนที่ดั้งเดิม






รูปแผนที่เติมสีเพื่อให้เข้าใจง่าย





คลิกที่รูปภาพเพื่อดูภาพใหญ่นะครับ


เอาล่ะครับเรามาเริ่มเดินทางกันเลย!! 
          อ่านและดูแผนที่จากสำนักงานทางหลวงมี่ 10 ประกอบด้วยนะครับ
          
          เส้นทางการเดินครั้งทางนี้ผมได้มาจากหมายเลขโทรศัพท์ 1111 ต่อ 5 สำหรับการเดินทางขึ้นภาคเหนือในช่วงวิกฤตน้ำท่วมโดยรถยนต์ส่วนตัวซึ่งทางเจ้าหน้าที่แนะนำให้ผมออกจากกรุงเทพหานครทางถนนพระรามสอง

1. ออกจากถนนพระราม 2 แล้วเลี้ยวขวาไปทางบางบัวทองที่ทางหลวงหมายเลข 9 (กาญจนาภิเษก) 

2. ให้เลี้ยวซ้ายไปนครปฐมที่ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ซึ่งไม่มีน้ำท่วม ห้ามเข้าทางเส้นบรมฯเด็ดขนาดเพราะน้ำท่วมสูงจนรถเล็กผ่านไม่ได้ (ดูภาพประกอบ) หากแถวบ้านใครเจอแบบนี้ ลองเข้าไปดูคำแนะนำการใช้ถุงทรายกันน้ำแปลโดยดร.อมร นะครับเผื่อมีประโยชน์บ้าง

สภาพเส้นทางถนนบรมราชชนณี (ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี) วันที่ 29/10/54

3. ขับรถตรงตามทาง (ทางหลวงหมายเลข 4) ขับผ่านจังหวัดนครปฐม ขับตามป้ายทางไปสุพรรณ จะมีหลังจากเลยทางเข้าเมืองนครปฐมแล้ว ทางให้เลี้ยวขวาเข้าสุพรรณ (ทางหลวงหมายเลข 321) ให้เลี้ยวไปทางนั้นเลย อ่านป้ายสุพรรณไปเรื่อยๆ จะผ่าน มหาวิทยาลัยศิลปกร และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ซึ่งหลังจากเลยมหาวิทยาลัยราชภัฏจะมีปั้ม Gas LPG ราคา 10.99 บาท ปั้มสุดท้ายแล้ว ควรเติมให้เต็มถัง
     ขับรถตามทางหลวงหมายเลข 321 ไปเรื่อย (ตามป้ายสุพรรณ) จนเข้าเขตอำเภออู่ทอง เราจะเจอทางแยกที่มีหอนาฬิกาบรรหารแจ่มใส โดยที่จะมีป้ายบอกทางว่า "ตรงไปด่านช้าง เลี้ยวขวาสุพรรณ" ให้เราตรงไปครับ คราวนี้เราจะขับตามทางหลวงหมายเลข 333 ยาวเลย
ทางแยกที่ อ.อู่ทอง มีหอนาฬิกาบรรหารแจ่มใสอยู่






4. คราวนี้เราจะขับตามทางหลวงหมายเลข 333 เป็นระยะทางมากกว่า 100 กิโลเมตร โดยจะเป็นทาง 2 ช่องจราจรเป็นส่วนใหญ่ ปั้มต่าง ๆ มีน้อย เพราะฉะนั้นเตรียมน้ำมันหรือ Gas ไปให้เต็มถังนะครับ
ลักษณะถนนหมายเลข 333 ระหว่าง อ.อู่ทอง - อ.ด่านช้าง

ลักษณะถนนหมายเลข 333 ระหว่าง อ.อู่ทอง - อ.ด่านช้าง

5. จากนั้นเราจะเข้าสู่ อ.ด่านช้าง จะมีปั้ม ปตท มีบริการทั้ง ศูนย์อาหาร , 7-11 , Pro-Check , เติมลงยาง , ตู้ ATM  กสิกรไทย ฯลฯ  สำหรับอะไรที่ไม่มีในปั้มเราก็วนหาในตัวเมืองได้ เช่น ATM ธนาคารต่าง ๆ
หลังจากผ่านอำเภอนี้ไป เรายังคงอิงทางหลวงหมายเลข 333 แต่คราวนี้ป้ายจะบอกให้เราไปบ้านไร่แทน


หลังจากเข้าเขต อ. ด่านช้าง เป้าหมายต่อไปคือเดินทางตามป้ายไป อ. บ้านไร่ (ยังไงตอนนี้ก็ต้อง อิงทางหลวงหมายเลข 333 นะครับ)


จริง ๆ การเดินทางในช่วงนี้จะไม่น่ากลัวมากนักเพราะจะมีป้ายชั่วคราวสีขาวแดงบอกทางตลอดทาง


ในอำเภอด่านช้างก็มีแยกหอนาฬิก่บรรหารแจ่มใสเหมือนกัน (จากทิศทางที่เรามา ให้เราตรงไป แล้วจะมีปั้ม ปตท. อยู่ทางซ้ายมือหลังทางแยก)


หลังจากผ่านแยกหอนาฬิกามาแล้ว ก็จะเจอปั้มปตท.อยู่ทางซ้ายมือ

มีบริการตรวจเช็คสภาพรถ


ร้านกาแฟ


ศูนย์อาหาร


ห้องน้ำ


ร้านขายของฝากภายในศูนย์อาหาร ที่ขาดไม่ได้คือสาลี่เอกชัย ของฝากประจำจังหวัดสุพรรณ


มุมพักผ่อนสวยงามใช้ได้เลยทีเดียว



บริการเติมลมยาง อยู่ข้างๆ Pro-Check


ตู้ ATM ธนาคาร กสิกรไทย



6. หลังจากออกจาด อำเภอด่านช้างแล้ว เส้นทางจะขึ้น ๆ ลง ๆ เล็กน้อย เนื่องจากเข้าเขตที่มีภูเขา
พอขับรถไปเรื่อยๆ เราจะเจอ 3 แยก ให้เลี้ยวซ้ายหรือขวา โดยป้ายจะบอกว่า อ.บ้านไร่เลี้ยวซ้าย , อ.หนองฉางและ จ.อุทัยธานีเลี้ยวขวา ให้เราเลี้ยวขวาไปเลยครับ (ยังคงอยู่บนทางหลวงหมายเลข 333)



เจอสามแยก ให้เลี้ยวขวาไป อ.หนองฉาง , จ. อุทัยธานี เลยครับ

ไม่ต้องกลัวจะหลง แทบทุกแยกจะมีป้ายสีขาวแดงบอกทางตลอด ดูให้ดี ๆ นะครับ

ทางเลี้ยวขวาที่เราจะไป ยังคงเป็นทางหลวงหมายเลข 333




7. เมื่อขับตามถนนมาเรื่อย ๆ จนถึงอำเถอหนองฉาง เราจะพบสามแยกให้เลี้ยวซ้ายและขวาอีกครั้งโดยครั้งนี้ ทางซ้ายจะไป อ. หนองฉาง และ อ.ทัพทัน (ทางหลวงหมายเลข 3012) , เลี้ยวขวาไป จ.อุทัยธานี (ทางหลวงหมายเลข 333) ครั้งนี้ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 3012  ไม่ต้องเลี้ยงขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 333 แล้วนะครับ!
ทางแยกนี้เลี้ยวซ้ายนะครับ ไปตามทางหลวงหมายเลข 3012

ไม่ต้องห่วง มีป้ายสีขาวแดงบอกทางเรื่อย ๆ


8. ขับมาตามทางหลวงหมายเลข 3012 สักพัก ไม่ไกลมาก (น่าจะประมาณ 2-3 กิโลเมตร) จะเจอสามแยกอีกครั้ง โดยเลี้ยวซ้ายไป อ.หนองฉาง , เลี้ยวขวาไป อ.ทัพทัน (ทางหลวงหมายเลข 3013) ให้เราเลี้ยวขวา ขับตามถนนหมายเลข 3013 ไปเรื่อย ๆ 

เจอแยกนี้ เลี้ยวขวาเข้าถนนหมายเลข 3013 จากนั้นก็ขับยาวเลยครับ


9. ขับมาตามทางหลวงหมายเลข 3013 ยาวเลยครับ อย่าลืมสังเกตุป้ายทางหลวงข้างทางตลอดทางด้วยนะครับ ขับไปเรื่อย ๆ จะเจอทางแยกที่ดูแปลกตาหน่อย ชื่อว่าทางแยกทัพทัน เพราะทางแยกมันดันมาตัดตรงหัวโค้งพอดี พยายามดูดี ๆ เราต้องขับตรงไปตามเลข 3013 นะครับ มางมันจะโค้งไปทางซ้ายนิดหน่อย  ย้ำ 3013


สังเกตุป้ายทางหลวง ตอนนี้ต้องเป็นเลข 3013 ครับ

สี่แยกทัพทัน ที่แบกบริเวณหัวโค้ง เราต้องตรงไปครับ ทางมันจะโค้งไปทางซ้าย




10. หากเราเดินทางมาถูกทางแล้วเราจะพบแยกที่อำเภอลาดยาว สังเกตุได้โดยซ้ายมือจะเป็นโรงเรียนอนุบาลลาดยาวหรือไม่ก็มีห้างแว่นบิวตี้ฟูลอยู่ที่ด้านขวาฝั่งตรงข้าม (หาง่าย ๆ คือ แยกนี้อยู่ในเขตชุมชมอำเภอลาดยาวครับ) ทางแยกนี้ให้เลี้ยวขวา แล้วเราจะเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1072 คราวนี้ก็ยาวตาม 1072 ไปเลยครับ!

ทางแยกที่อำเภอลาดยาว

ทางแยกที่อำเภอลาดยาว


11. ขับไปจนสุดสาย 1072 เราก็จะมาโผล่ที่แยกหนองมน ซึ่งตัดกับทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพลโยธินนั่นเอง) แถวๆ กม.ที่ 360 หรือง่าย ๆ คือ ใกล้ ๆ กับโมจิแม่กุหลาบครับ ในที่สุดเราก็กลับมาสู่สายขึ้นเหนือปรกติเสียที 


เห็นป้ายบอกทางก็ดีใจแล้วครับ

เข้าสู่ถนนที่เราคุ้นเคย!!

ถนนออกมาสู่โมจิแม่กุหลาบ


ป้ายบอก กม.ที่ 360 







          ในที่นี้ผมมีข้อสงสัยเล็๋กน้องคือ ผมสังเกตุป้ายบอกหลักกิโล มันเขียนไว้ 360 แต่ในแผนที่ที่ผมได้จาก สำนักทางหลวงที่ 10 บอกว่าเป็น กม.ที่ 258  ห่างกันตั้ง 100 กว่ากิโลเมตร ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรผมก็ไม่แน่ใจ แต่ถ้าให้ผมเดาคือ ที่เขียนว่า กม. ที่ 360 ตามป้าย หมายถึงนับเฉพาะทางหลวงหมายเลข 1 ไม่ได้นับหทางหลวงหมายเลข 32 (ถนนพหลโยธิน) เพราะฉะนั้นระยะทางมันจึงต้องดับเส้นที่ผ่าน จ.สระบุรี - อ.พระพุทธบาท - จ. ลพบุรี - อ.โคกสำโรง -อ.ตากฟ้า - อ.ตาคลี - จ.ชัยนาท - อุทัยธานี แล้วถึงจะไปนครสวรรค์ตามทางปรกติ แต่สำหรับ ที่แผนที่เขียนว่า กม. 258 ผมเดาว่า วัดทางไปภาคเหนือตามสายเอเชียตรง ๆ ซึ่งจะตัดทางหลวงหมายเลข 1 ที่อ้อมผ่านสระบุรีออกไปแต่วัดทางหลวงหมายเลข 32 ที่ผ่านอยุทธยา สิงห์บุรี แทน ผิดพลาดประการใด ใครที่มีความรู้ด้านนี้รบกวนชี้แจงด้วยนะครับเพื่อผมจะได้ปรับปรุงบทความและเป็นความรู้ต่อไปครับ






          เรียบร้อยแล้วครับสำหรับการเดินทางหลบหลีกน้ำท่วม ไม่เจอน้ำแม้แต่หยดเดียว (ถ้าฝนไม่ตก ฮา ๆ) หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างนะครับ ถึงแม้จะช้าไปหน่อยก็เถอะ


          รวมระยะทางที่ผมวัดจากปั้ม Gas LPG ที่เลยมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมไปหน่อย จนถึงแยกหนองมน ระยะทางประมาณ 300 กิโลเมตรครับ
วัดไมล์จริง ๆ เห็นจะ ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น